11 เหตุผล ทำไมต้องรีบออกไปท่องเที่ยว
ในแต่ละวันเราต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ยิ่งกว่านั้นบางคนทำงานงกๆ เก็บเงินอย่างเดียว โดยลืมที่จะหาความสุขให้ตัวเองบ้าง วันนี่้เรามี 11 เหตุผล ทำไมต้องรีบออกไปท่องเที่ยว มาฝากกันจ้า

1.อายุอานามมีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวัน
“อายุมากแล้วจะไปไหนได้…ไร้สาระ”  แล้วทำไมไม่ไปซะตั้งแต่ยังมีแรงเที่ยวกันล่ะ การไปเที่ยวรอบโลกไม่ได้จำกัดสักหน่อยว่าอายุไม่ถึงไปไม่ได้ หรืออายุเกินแล้วไปไม่ได้ เที่ยวรอบโลกนะ ไม่ใช่รถไฟเหาะตีลังกา…รู้ไหมว่าคนที่เขาไปเที่ยวรอบโลกน่ะมีอายุเฉลี่ยตั้งแต่ 18 จนถึงอายุ 60 ปี รุ่นไหนๆเขาก็ไปเที่ยวได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะกำลังเรียนอยู่ หรือ จะเกษียณแล้วนั่งจิบกาแฟยามเช้าอยู่ที่สวนหลังบ้าน ความจริงข้อหนึ่งที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้คือ เราอายุมากขึ้นทุกวัน พออายุมากขึ้นสิ่งที่เพิ่มตามตัวเลข คือ ความเสื่อมของร่างกาย และด้วยความเสื่อมนี้แหละที่เป็นอุปสรรคอย่างมากในการเดินทางไกล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่อายุเยอะแล้วจะเที่ยวไหนไม่ได้ อายุมากแต่ยังเตะปี๊บดังก็มีถมไป เพียงแค่อยากจะว่า ใครที่มีเวลา มีโอกาส อยากเที่ยวล่ะก็เลิกหาข้ออ้างได้แล้วเนอะ เพราะเวลากับอายุไม่เคยรอเราแม้นาทีเดียว

2.บางทีออกไปเที่ยวอาจใช้เงินน้อยกว่านอนอยู่บ้านอีก
หนึ่งเหตุผลที่ใหญ่มากๆที่ทำให้เราไม่สามารถไปท่องเที่ยวเป็นเวลานานๆได้ นั่นก็คือ “ค่าใช้จ่าย” การเดินทางไปเที่ยวรอบโลกเป็นทริปของเศรษฐีเท่านั้น รู้ไหมมันกลายเป็นเรื่องเก่าไปแล้วล่ะ ถ้าพูดถึงค่าใช้จ่ายที่เราใช้ระหว่างการไปเที่ยว กับการอยู่บ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อาศัยอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ,แคนาดา ,ออสเตเรีย ,นิวซีแลนด์ หรือประเทศอื่นๆในแถบยุโรป การออกมาท่องเที่ยวมีโอกาสที่ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าเวลาอยู่บ้านเฉยๆ เพราะที่นี่ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าอาหาร และเครื่องดื่มล้วนแพงหูฉี่ และการวางแผนเที่ยวรอบโลกโดยเลือกมาเที่ยวในประเทศแถบอเมริกาใต้ แอฟริกา หรือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทีมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างถูกกว่า จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายประจำวันได้มากเลยทีเดียว ถ้าเป็นบ้านเราก็อาจจะเริ่มต้นท่องเที่ยวแบบประหยัดเงิน ประหยัดค่าใช้จ่ายโดยการข้ามไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ประเทศลาว ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยว่าไหม

ภาพจากwww.hitek.be

3.การเรียนรู้ไม่ได้อยู่แค่ในห้องสี่เหลี่ยม
แน่นอนว่าการไปโรงเรียน การทำงานล้วนแต่เป็นการเรียนรู้ที่มีความสำคัญกับเราเป็นอย่างมาก แต่จริงๆแล้วการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องสี่เหลี่ยม ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิชาการ วิถีชีวิต ขบบธรรมเนียมวัฒนธรรมต่างๆ ล้วนแต่เป็นการเรียนรู้ทั้งสิ้น เราสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา และแน่นอนถ้าเราออกไปเที่ยวรอบโลก นั่นจะเป็นการเรียนรู้โลกกว้างที่แสนพิเศษ ทำให้เราเห็นโลกในมุมที่เราไม่เคยเห็น เข้าใจในศิลปะ วัฒนธรรมของประเทศนั้นๆที่เราไปเยือน เปิดประสบการณ์ใหม่ให้ชีวิต การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริง จะช่วยให้เราเข้าใจสิ่งนั้นๆได้มากกว่า เช่น ถ้าอยากเข้าใจประเทศอินเดีย ก็ไปเที่ยวอินเดียเถอะ ไปพบปะพูดคุย เรียนรู้วิถีชีวิตของคนเหล่านั้นด้วยตัวเอง แล้วเราจะเข้าใจประเทศอินเดียได้มากกว่า แค่การอ่านหนังสือเกี่ยวกับอินเดีย ถึงจะบอกว่าการเที่ยวรอบโลกเป็นการเรียนรู้วิธีหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้หมา่ยความว่าให้ทิ้งการเรียน หรือ การทำงาน แล้วตั้งหน้าตั้งตาเที่ยวอย่างเดียว ยังไงเราก็ไม่ควรมองข้ามความสำคัญของการศึกษา การทำงาน เพราะนั่นคือหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวเรา

ภาพจากwww.emaze.com

4.ไม่เคยไป…ก็ไปซะ
ไม่ใช่ทุกคนจะโชคดีที่เติบโตมาในครอบครัวมีฐานะมากพอจะพาไปเที่ยวต่างประเทศได้ หลายคนที่อายุหลักสาม หลักสี่แล้วแต่ยังไม่เคยออกไปเที่ยวไหนเลย ตอนนี้แหละเหมาะสุดแล้วที่จะเริ่มดำเนินการตามความฝันที่จะไปเที่ยวรอบโลก!
“ไม่เคยไป! ไม่เอากลัวยุ่งยาก!” ลองถามตัวเองอีกครั้งนะว่านี่เป็นแค่ข้ออ้างหรือเปล่า ถ้าใช่สิ่งเดียวที่จะตอบคำถาม และแก้ปัญหานี้ได้ คือ เก็บกระเป๋าแล้วออกไปเที่ยวซะ ถ้าความฝันของเราคือ การได้ออกไปเที่ยวในโลกกว้าง มองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆให้ชีวิต ก็อย่ากลัวที่จะทำมัน อาจจะยากสักหน่อยในการก้าวผ่านความกลัวต่างๆที่เรามักจิตนาการถึงก่อนออกเดินทาง ในทางกลับกันลองจินตนาการถึงความสุข ความสนุก ที่จะเกิดขึ้นดูบ้างสิ ช่วยสร้างแรงผลักดันได้ดีทีเดียวล่ะ!

ภาพจากrondainfinita.info

5.หลุดพ้นจากปัญหาและสิ่งที่รุมเร้า
ใครที่กำลังเครียด กำลังเศร้า มีปัญหารุมเร้ามากมาย ทั้งเรื่องงาน เรื่องบ้าน หรือความรัก ควรอย่างยิ่งที่จะเก็บของใส่กระเป๋าแล้วออกไปเที่ยวสักพัก เติมพลังให้ชีวิตแล้วค่อยกลับมาว่ากันใหม่ จริงๆแล้วการเตรียมตัวออกไปเที่ยวนั้นไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก แค่มีเป๋ใบใหญ่สักใบ เสื้อผ้าสัก 2-3 ชุด กับของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น แค่นี้เราก็สามารถออกเดินทางไปพักผ่อนท่องเที่ยวให้สบายใจได้แล้ว การออกไปเที่ยวเรียกได้ว่าเป็นการเติมความสุขให้กับชีวิต เราจะได้พบได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ที่สวยงาม หรือบางครั้งเราอาจมองเห็นปัญหาอื่นๆที่ทำให้เรารู้สึกว่า ปัญหาที่เรากำลังเจอนั้นมันเล็กนิดเดียว แค่กระเป๋าใบเดียวก็ทำให้ชีวิตง่ายขึ้นแล้วเห็นไหม

ภาพจากwww.manhiguthamil.org.il

6.มีเวลาไล่ตามในสิ่งที่รัก และเป็นความสุขที่แท้จริง
ถ้าเราทำงาน 50-60 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (เท่ากับที่งานแบบ 7 วันเต็ม!) แล้วเราก็ยังมีครอบครัว มีเพื่อน มีพันธะต่างๆอีกมากมายที่ต้องรับผิดชอบ มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะมีเวลาไปไล่ตามสิ่งที่เราชอบ ที่จะสามารถสร้างความสุขให้กับเราได้จริงๆ นั่นเพราะเราจะไม่มีเวลาทำอะไรเลย แค่ทำงานก็หมดเวลาไปตั้งเท่าไหร่แล้ว บางคนอาจจะโชคดีตรงที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แต่ส่วนใหญ่ก็เลือกทำเพื่ออนาคตกันทั้งนั้น บางคนอาจจะอยากไปเรียนดำน้ำ? ชอบถ่ายภาพแต่ไม่เคยมีเวลาที่จะจริงจังกับมันเลย? หรืออยากจะเรียนทำอาหารเมนูใหม่ๆ แต่ก็นั่นแหละจะเอาเวลาที่ไหนไปเรียน ช่วงเวลาในการท่องเที่ยวนี่แหละ คือช่วงที่แจ่มที่สุด เราจะมีเวลาได้เที่ยวได้ทำนั่นทำนี่ในแบบที่เราต้องการ

ภาพจากwww.autoteile-sothen.de

7.ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ในเวลาที่อยากทำ
อีกหนึ่งเรื่องเจ๋งๆของการเดินทางรอบโลกคงจะเป็น การที่ตื่นขึ้นมาและได้พูดว่า “วันนี้ทำไรกันดีนะ? หรือว่านานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้?” ถ้าเราอยู่บ้านจะมีสิ่งต่างๆมากมายที่ทำให้เราไม่สามารถทำตามใจตัวเองได้ ยิ่งสำหรับวัยอย่างเราแล้ว การได้ทำอะไรตามที่ใจต้องการในทุกๆวันมันคงเป็นความรู้สึกที่วิเศษที่สุดในโลก! อยากจะไปนั่งเล่นหรือเดินทอดน่องที่ชายหาดทั้งวัน? ก็ทำสิ! อยากปั่นจักรยานขึ้นไปถึงยอดเขาหรือภูเขาไฟ? ก็ไปสิ! อยากจะกินนู่นกินนี่จนพุงกาง? ก็กินเลยมันไม่ผิดอยู่แล้ว! เวทย์มนต์อย่างหนึ่งของการพักผ่อนแบบยาวๆคือ… “อะไรนะ! พรุ่งนี้ต้องทำงานหรอ? ช่างมันดิ!!”…ช่างเป็นวลีเด็ดของวันหยุดที่อยากจะพูดแบบนี้ทุกวันเลยจริงๆ!

ภาพจากbravoitaly.blogspot.com

8.เห็นสิ่งมหัศจรรย์ได้อย่างไม่รู้จบ
การออกไปท่องเที่ยวเท่ากับเราเปิดประตูออกไปสู่โลกกว้างที่ไร้ข้อจำกัดอย่างแท้จริง! บนโลกใบนี้มีสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆมากมายที่รอให้เราไปค้นหา เก็บบันทึกภาพความสวยงาม และความประทับใจเหล่านั้นลงในเมมโมรี่ที่ชื่อว่า “ความทรงจำ” จะดีแค่ไหนถ้าเราได้ไปปีนธารน้ำแข็งที่นิวซีแลนด์ ดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด แวะชมความงามของทัชมาฮาล และปิดท้ายด้วยการไต่ขึ้นไปยังยอดของเทือกเขาหิมาลัย ช่างเป็นประสบการณ์ความประทับใจที่ลืมไม่ลงเลยจริงๆ เราจะปล่อยให้ภาพสวยๆเหล่านี้เป็นแค่เพียงภาพถ่ายงั้นหรือ ทำไมไม่ลองไปสัมผัสความงดงามนั้นด้วยตาตัวเองล่ะ?

ภาพจากwww.peruvianodyssey.com

9.ทิ้งงาน ทิ้งความสัมพันธ์ และสิ่งที่อยากได้ไว้ข้างหลังชั่วคราว
นี่อาจจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลายๆคน “ถ้าจะให้ฉันลาออกจากงานเท่ากับฉันฆ่าตัวตาย ฉันกำลังเก็บตังค์ซื้อบ้านอยุ่ด้วย หรือ แฟนฉันกำลังจะมาขอหมั้นเร็วๆนี้ ฉันคงไปไหนไม่ได้หรอก” เราบอกความลับให้เอาไหม…งานน่ะหรอ? มันก็ยังคงอยู่ตรงนั้นแหละ บ้านใหม่หรอ? ยังมีให้เลือกอีกเยอะแยะมากมาย การหมั้นงั้นหรอ? แล้วถ้ามันไม่เกิดขี้นล่ะ อะไรคือความแน่นอน คำตอบคือ “ไม่มี” เส้นทางการใช้ชีวิตที่ถูกกำหนดเหมือนจับวาง ไปโรงเรียน เรียนจบ รับปริญญา เริ่มต้นชีวิตทำงาน แต่งงาน สร้างครอบครัว ถ้าไม่ทำตามแผนแบบนี้เราจะใช้ชีวิตได้ไหม? ลองดูสิถ้าอยากทำอะไรที่แตกต่าง ออกไปเที่ยวในโลกกว้างโดยไม่ต้องสนจอะไร เราอาจจะเจอคำพูดด้านลบของใครต่อใคร จริงๆแล้วพวกเขาก็แค่อิจฉา เพราะเขาไม่อาจทำแบบเราได้ ถ้าทิ้งเรื่องพวกนี้ไว้ข้างหลังแล้วออกไปลัลลา แน่นอนว่าเมื่อกลับมาเรื่องพวกนี้ก็จะยังอยู่ งานก็ยังมีแต่อาจจะไม่ใช่ที่เดิม แฟนคนเดิมมั้ง? ไม่แน่ว่าหลังจากทริปท่องเที่ยว เราอาจจะไม่ต้องการสิ่งเดิมๆเหล่านั้นอีกต่อไปก็ได้

10.มันจะเปลี่ยนมุมมองในชีวิต
ชีวิตคนเราไม่ได้ยืดยาวอะไรมากนักข้อนี้ทุกคนคงเข้าใจ สิ่งที่เราได้รับจากการท่องเที่ยวอาจไม่ใช่แค่เพียงความสนุกสนาน การได้พักผ่อน แต่อาจเป็นมุมมองในชีวิตใหม่ๆ ในการท่องเที่ยวบางครั้งเราก็ต้องเจอกับสถานการณ์เลวร้าย ความยากลำบากต่างๆที่หาไม่ได้จากการนั่งทำงานงกๆอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ ประสบการณ์เหล่านี้ที่จะช่วยเตือนให้รู้ว่าเราเคยผ่านอะไรมา และไม่ว่าข้างหน้าปัญหาจะเป็นอย่างไรเราก็จะผ่านมันไปได้เหมือนเช่นที่ผ่านมา จึงไม่แปลกเลยว่าทำไม คนเคยไปแล้ว จึงอยากไปอีกนั่นเพราะทริปเที่ยวรอบโลกทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าชีวิตคนเรานั้นสั้นแค่ไหน และมันทำให้กระตือรือร้นที่จะเสาะแสวงหาชีวิตในแบบที่ต้องการจริงๆ

11.สั้นๆแค่ “เสียดาย”
เหตุผลสุดท้ายซึ่งอาจเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้หลายคนตัดสินใจเก็บกระเป๋าแล้วเดินทางเที่ยวรอบโลกนั่นก็เพราะ “เสียดาย” ลองคิดดู…อากาศอบอุ่นในยามเช้า ภาพแรกที่ได้เห็นคือ ยอดเทือกเขาหิมาลัยที่ถูกทาบด้วยแสงสีส้มอ่อนๆ ค่อยๆไล้ลงมา จากยอดเขาเรื่อยๆจนภาพภูพาสูงตระหง่านเริ่มชัดเจน แสงแรกของวันกำลังทักทายเรา…เสียดายไหมถ้านั่นเป็นแค่ภาพในจินตนาการ? คำตอบนี้อยู่ที่ตัวเรา เราจะมัวแต่สมมติ หรือจะลองไปเก็บภาพน่าประทับใจเหล่านั้นด้วยตัวเอง มันไม่ง่ายหรอกที่จะทำ บางคนอาจจะมองว่าบ้า! แต่เชื่อเถอะสิ่งสำคัญคือการตัดสินใจของตัวเราเอง ไม่ต้องเชื่อในสิ่งที่คนอื่นคิด แค่ทำในสิ่งที่เราคิดให้ดีที่สุดก็พอ

 

ที่มา http://fwd.co.th